ไขความลับ โปะบ้านเท่าไหร่ แต่ทำไมเงินต้นไม่ลดสักที | Sammakorn
เบื่อเหลือเกินกับประโยคที่ว่า บ้านของมันต้องมี แต่จะปฏิเสธไม่ซื้อก็ไม่ได้ เพราะวันหนึ่งการได้ครอบครองบ้านเป็นของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็หมายถึงความมั่นคงในชีวิตของเราเอง แต่ปัญหาหนึ่งที่คนซื้อบ้านเริ่มเจอเมื่อต้องเข้าลูปผ่อนบ้าน คือ ยิ่งจ่ายไปสักพัก ก็เริ่มแปลกใจว่าทำไมเงินผ่อนทุกๆ งวดของเรามันดูจะจมหายไปราวกับว่าไม่เคยผ่อนเลย เงินเก็บก็ไม่เหลือ เงินลงทุนอื่นก็ถูกตัดไปเพราะมัวแต่เอาไปโปะภาระหนี้บ้านก้อนโต แล้วแบบนี้จะต้องผ่อนไปอีกนานแค่ไหน ผ่อนจนแก่จะปลดหนี้หมดเขาไหม ยิ่งผ่อนก็ยิ่งท้อถ้าตัวเลขแดงมันไม่ขยับเสียที
เอาหละเราพอจะเห็นปัญหาของคนที่ผ่อนบ้าน ว่าทำไม #โปะเท่าไหร่เงินต้นก็ไม่ลด #โปะเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีจะเหลือเงินเก็บ ซึ่งเราขอไม่อ้างอิงเป็นตัวเลขละกัน เพราะหลายคนแค่เห็นตัวเลขก็ไม่อยากจะอ่านเสียแล้ว เราเลยขอสรุปเป็นหลักการของปัญหาง่ายๆ ที่หลายคนฟันธงแล้วว่านี่แหละที่ทำให้ผ่อนบ้านเท่าไหร่ตัวเลขก็ไม่ขยับเป็นบวกเลย มีแต่ดอกเบี้ยที่บวกไปเรื่อยๆ
#การรีบโปะบ้านอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการผ่อน
อ่านแล้วรู้สึกแย้งในใจขึ้นมาทันทีใช่หรือไม่ แต่นักการเงินก็พยายามคำนวณเปรียบเทียบมาให้เราว่า ระหว่างรีบโปะเพื่อปิดยอด กับ ผ่อนจ่ายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบงวดแบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งวิธีที่ได้ข้อสรุปแม้จะมีเสียงแตกกันออกไปบ้าง แต่ทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะฉะนั้นคุณอาจจะต้องวางแผนการผ่อนตั้งแต่แรกให้รัดกุมและเลือกวิธีที่เหมาะกับกำลังในการผ่อนและการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าของคุณเองให้ลงตัว
ถ้าคุณมีรายได้ทางเดียว หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มั่นใจแล้วว่าจะไม่มีรายได้เสริมช่องทางอื่น หรือไม่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนอื่นร่วมด้วยเพื่อรายได้ที่มากขึ้น การรีบโปะก็อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะนั่นแปลว่าคุณจะไม่ต้องเสียดอกที่แพงเกินจำเป็น หากคุณพอจะมีกำลังที่จะหาเงินก้อนมาโปะ ก็รีบโปะเสียอย่าได้กังวลใจไป มันจะได้ลดเงินต้นแล้วไปแบ่งเบา %ดอกเบี้ยของคุณ รีบผ่อนรีบจบ แบบนี้ย่อมดีกว่า
แต่ถ้าคุณมั่นใจว่ามีช่องทางการลงทุนอื่นเพื่อหารายได้เสริมคู่ขนานไปกับการผ่อนบ้าน เราแนะนำว่าปล่อยผ่อนยาวๆ 30 ปีไปเลย เดือนนึงไม่ต้องหนักมากเอาเท่าที่ไหว แล้วเอาเงินอีกส่วนแทนที่จะรีบโปะ ไปลงทุนช่องทางอื่นเพื่อให้ได้รายได้เสริมกลับมาเป็นกอบเป็นกำ แบบนี้ถ้าคุณคำนวณระยะยาวจะพบว่า การแบ่งเงินผ่อนบ้านน้อยๆ แต่นานๆ แล้วเอาเงินอีกส่วนไปลงทุนช่องทางอื่นเพื่อให้ได้รายได้กลับมาอีกเท่าตัว รายได้ที่คุณได้ เมื่อเอามาหักลบกลบหนี้กับดอกเบี้ยบ้านแม้จะเป็นยอดดอกเบี้ยที่เยอะกว่าการโปะไวๆ ให้จบ เผลอๆ คุณจะได้รายได้ที่มากกว่าดอกเบี้ยที่คุณเสียไปเสียอีก ทำให้มีเงินเก็บก้อนโตหลังผ่อนบ้านหมดนั่นเอง
#เลือกราคาบ้านไม่สอดคล้องกับกำลังจ่าย
ตอนตัดสินใจเลือกซื้อบ้านแม้จะคิดมาดีแล้วว่าไหว แต่ก็เป็นการคิดแค่ว่าหากเรามีหนี้ทางเดียวคือผ่อนบ้านตอนนี้ ยังไงเราก็ผ่อนไหวจนจบแน่นอนไม่มีเบี้ยวแน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงต้องผ่อนบ้านไปยาวๆ บางทีเกือบจะครึ่งชีวิต หลายคนไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าในอนาคตเราต้องมีภาระผ่อนของชิ้นใหญ่ที่จำเป็นอะไรเข้ามาอีกบ้าง หรือบางทีหากโชคไม่ดี ต้องมีรายจ่ายจำเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือเกิดมีลูก แต่งงาน แทรกเข้ามาระหว่างทาง ทำให้การผ่อนของคุณที่เคยสมูทดูจะเกิดความทุลักทุเล การผ่อนเลท จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ขาดส่งงวดบ้าง อันนี้เลยทำให้เงินต้นไม่ลดเสียที แล้วดอกเบี้ยก็ถูกเพิ่มไปเรื่อยๆ ตามเวลางวดที่ขยายออกไป เป็นเหตุว่า ผ่อนเท่าไหร่เงินต้นก็ไม่เบาบางลง ดอกเบี้ยก็เพิ่มทวีคูณ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจผ่อนบ้านเช็กให้ชัวร์ว่าคุณมีเงินทุนสำรองในการใช้ชีวิตอย่างน้อย 6 - 12 เดือน เพื่อที่หากมีเหตุไม่คาดฝันต้องใช้เงินไปกับสิ่งอื่น งบผ่อนบ้านคุณจะได้ไม่กระทบกระเทือน
#อย่าใจร้อนโปะแรกๆอาจไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
ผ่อนบ้านหลายคนก็ใจร้อนเกินไป คิดว่าจ่ายทุกเดือนเงินต้นต้องลดทุกเดือนสิ แต่ในความเป็นจริงตามหลักการถ้าคุณไปเปิดดูประวัติยอดการชำระหนี้ของคุณรวมไปถึงยอดดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย จะพบว่า การผ่อนบ้าน ก็เหมือนกับการผ่อนดอกเบี้ยบ้าน เป็นการคิด “ลดต้นลดดอก” คือเงินที่จ่ายไปเอาไปจ่ายต้นก็จริง แต่ดอกเบี้ยก็ถูกคิดจากยอดเงินต้นเกือบเต็มก้อนในตอนแรกๆ ทำให้ช่วงแรกในการผ่อน ยอดที่คิดจาก %ดอกเบี้ยก็ยังสูงอยู่ดี ทำให้คุณไม่รู้สึกเลยว่าเงินต้นมันลดลงจนสังเกตได้ กว่าจะเริ่มผ่อนเงินต้นก็ปาไปเกินครึ่งทางของจำนวนงวดที่ส่งโน่นแหละ สมมติถ้าคุณเลือกผ่อน 360 งวด กว่าจะเห็นว่าดอกเบี้ยน้อยลง เงินต้นเริ่มลดก็ปาไปงวดที่สองร้อย แสดงว่าการที่เราผ่อนบ้านแรกๆ เงินต้นไม่ลดลงเท่าไหร่ นั่นไม่แปลก เพราะดอกเบี้ยถูกคำนวณด้วยยอดเงินต้นก้อนใหญ่
#ลืมเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านไปหรือเปล่า
ถ้าคุณคือมือใหม่หัดผ่อน หรือไม่รู้เรื่องการเงินเท่าไหร่ ไม่ติดตามข่าวสารของธนาคาร คุณอาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเราสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้เรื่อยๆ ตามโปรโมชั่นหรือเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร หลายคนผ่อนบ้านมาตั้งหลายปีแต่ไม่เคยรีไฟแนนซ์บ้านเลย อันนี้อาจทำให้คุณเสียโอกาสในการลดดอกเบี้ยบ้านก็เป็นได้ เพราะจริงๆ แล้วในแต่ละปี ธนาคารจะมีการรีแพคเกจรีไฟแนนซ์บ้านออกมาเสนอให้คุณเรื่อยๆ ถ้าคุณผ่อนบ้านไปสัก 2-3 ปี อย่าลืมที่จะเช็กดูข้อมูลจากธนาคารต่างๆ เพื่อเอามาเทียบข้อเสนอในการรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะบางครั้งคุณอาจเจอแจ็คพอตดอกเบี้ยถูกลง อันนี้ก็จะช่วยให้คุณลดค่าบ้านและลดดอกเบี้ยที่ต้องแบกไปได้เยอะอยู่
พอจะเห็นภาพรวมของปัญหาแล้วใช่หรือไม่ว่าทำไมโปะบ้านเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีเงินต้นจะลดเลย เงินเก็บก็ไม่เพิ่ม พอรู้แบบนี้อย่าลืมไปดูแผนการผ่อนบ้านของคุณอีกครั้งเพื่อจบภาระก้อนนี้กันเสียที
-
สัมมากร
บ้านที่หลับสบาย ไร้กังวล
Have a good sleep
แอดไลน์สัมมากร เพื่อรับข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม
คลิก : https://bit.ly/3NB2Irs
#อยากให้รู้ว่าสัมมากรขายบ้าน #SAMMAKORN #บ้าน #สัมมากร #บ้านที่หลับสบาย #รีไฟแนนซ์ #สินเชื่อ #กู้บ้าน