ขนฟูสุขภาพดี เจ้าของก็แฮปปี้! แค่ปรับบ้านนิด ชีวิตเจ้านายเปลี่ยน! | Sammakorn
ค้นหาโครงการที่เหมาะกับคุณ
ทำเลที่ตั้ง
เลือกทำเลที่ตั้ง
เลือกแล้ว0
ค้นหาจากทำเลที่ตั้ง
ประเภทโครงการ
เลือกประเภทโครงการ
เลือกแล้ว0
เลือกประเภทโครงการ
ช่วงราคา
เลือกช่วงราคา
เลือกแล้ว0
เลือกช่วงราคา

ขนฟูสุขภาพดี เจ้าของก็แฮปปี้! แค่ปรับบ้านนิด ชีวิตเจ้านายเปลี่ยน! | Sammakorn

Home Hack
ขนฟูสุขภาพดี เจ้าของก็แฮปปี้! แค่ปรับบ้านนิด ชีวิตเจ้านายเปลี่ยน!
17 กุมภาพันธ์ 2568
sammakorn | ขนฟูสุขภาพดี เจ้าของก็แฮปปี้! แค่ปรับบ้านนิด ชีวิตเจ้านายเปลี่ยน!

เราอาจจะคิดว่าบ้านของเราสะดวกสบายสำหรับสัตว์เลี้ยงแล้ว แต่ในความเป็นจริงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้ามอาจส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยในระยะยาวของเจ้านายขนฟูได้โดยไม่รู้ตัว! เราจะพาคุณมารู้จักกับเทคนิควิธีจัดการบ้านให้เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง ที่ไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาด แต่ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเจ้าตัวน้อยที่เรารัก เพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ และลดอุปสรรคในการใช้ชีวิตภายในบ้าน กับ 10 เทคนิคจัดการบ้านให้เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงที่คุณอาจไม่เคยรู้!

 

1. พื้นบ้านที่ใช่…ช่วยลดปัญหาข้อเสื่อมในสัตว์เลี้ยง

รู้หรือไม่ว่าปัญหาโรคกระดูกในสัตว์เลี้ยงสาเหตุอาจอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด! ซึ่งตัวการไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือพื้นบ้านของเราที่ลื่นเกินไป เช่น กระเบื้อง หินอ่อน หรือพื้นที่มีค่า R (Slip Resistance) ต่ำ อาจทำให้สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขและแมวมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเสื่อมได้เร็วขึ้น! การเดินบนพื้นลื่นบ่อย ๆ ทำให้ข้อต่อและเอ็นรับแรงกระแทกมากขึ้น ลองเลือกใช้ พื้นไม้ลามิเนต หรือ ปูพรม บางส่วนในพื้นที่ที่พวกเขาวิ่งเล่น จะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างมาก

 

2. ใช้สีทาผนังชนิดปลอดสาร VOC เพื่อสุขภาพระบบหายใจของสัตว์เลี้ยง

สีทาบ้านทั่วไปมักมี สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) ที่ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจของสัตว์เลี้ยง แมวและสุนัขมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นมากกว่ามนุษย์หลายเท่า และเขาจำเป็นต้องดมพื้นผิวอยู่ตลอดเวลา ให้ดี…ลองเปลี่ยนมาใช้สีที่ปลอดสารพิษ หรือสีที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง เพื่อให้อากาศในบ้านสดชื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

3. จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้มี “Safe Zones” สำหรับสัตว์เลี้ยง

สัตว์เลี้ยงก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกับเรา ลองสร้าง “มุมสงบ” หรือ “Safe Zones” ให้พวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการวางเบาะนุ่มๆ ในมุมเงียบๆ ของบ้าน หรือทำบ้านเล็กๆ สำหรับแมวเพื่อให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย พื้นที่เหล่านี้จะช่วยลดความเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิตได้เป็นอย่างดีมากกว่าพื้นที่เปิดโล่ง

4. ตรวจสอบสารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้ในบ้าน

น้ำยาทำความสะอาดบางชนิดที่ใช้อยู่ทั่วไปพบว่ามีสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง เช่น แอมโมเนีย หรือ ฟีนอล ที่มีมากในน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก ส่วนผสมธรรมชาติ หรือ น้ำส้มสายชูผสมน้ำ ที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงและยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย


5. ติดตั้งระบบกรองอากาศเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ในสัตว์เลี้ยง

ฝุ่นละออง ขนสัตว์ และไรฝุ่นในบ้านอาจเป็นตัวการที่ทำให้คุณและสัตว์เลี้ยงมีอาการภูมิแพ้กำเริบ โดยเฉพาะสุนัขและแมวที่มีผิวหนังบอบบางทำให้อาการภูมิแพ้ลามมาที่ผิวหนัง ลองติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA Filter ซึ่งสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงช่วยให้สัตว์เลี้ยงหายใจสะดวกขึ้น แต่เจ้าของบ้านเองก็ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้น และยังลดเชื้อโรคระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย
 

6. แสงสีฟ้าจากหน้าจอ “ศัตรูเงียบที่อาจทำร้ายสุขภาพสัตว์เลี้ยง”

แสงสีฟ้าจากหน้าจอทีวี คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นอันตรายต่อตามนุษย์เท่านั้น แต่ยังอาจรบกวนจังหวะนาฬิกาชีวิตของสัตว์เลี้ยง ทำให้พวกเขานอนหลับไม่เพียงพอและส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว หากเป็นไปได้ควรลดแสงจากหน้าจอใกล้พื้นที่พักผ่อนของพวกเขา หรือใช้ หลอดไฟ Warm Light ที่มีความสว่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของเหล่าสัตว์เลี้ยง

 



7. สัตว์เลี้ยงได้ยินดังมากกว่าที่คุณได้ยิน

สัตว์เลี้ยงมีประสาทสัมผัสการได้ยินที่ไวมาก เสียงที่ดูธรรมดาในระดับปกติสำหรับเรา เช่น เสียงเครื่องดูดฝุ่น หรือเสียงจากปลั๊กไฟ อาจทำให้พวกเขาเกิดความเครียด เพราะหูของสัตว์เลี้ยงได้ยินเสียงที่ดังกว่ามาก ลองเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี ระบบลดเสียงรบกวน และจัดพื้นที่พักผ่อนของสัตว์เลี้ยงให้ห่างจากแหล่งเสียงดัง เพื่อให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และเพื่อสุขภาพการได้ยินในระยะยาว

 

8. การใช้กลิ่น Aromatherapy ที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง

กลิ่นหอมที่มนุษย์ชื่นชอบไม่ว่าจะเทียนหอม สเปรย์ปรับอากาศอย่างกลิ่นลาเวนเดอร์ หรือยูคาลิปตัส ที่มนุษย์รู้สึกว่าสดชื่น อาจไม่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงเพราะมีสารที่อาจเป็นพิษหากได้รับกลิ่นในปริมาณมากๆ ลองเลือก น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ ที่มีการระบุชัดเจนว่าสามารถใช้ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้จะดีและปลอดภัยที่สุด และหลีกเลี่ยงกลิ่นอัลมอนด์ กุหลาบ ไม้จันทร์ กระดังงา อบเชย มะกรูด ซิตรัส กานพลู เพราะกลิ่นเหล่านี้อาจเป็นพิษในสัตว์เลี้ยง ทำให้เกิดอาการเฉื่อยชา อาเจียน กลิ่นที่ปลอดภัยจะเป็นพวกคาโมมายล์ หรือ ข้าวโอ๊ต จะช่วยให้สัตว์เลี้ยงผ่อนคลายโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและการได้กลิ่น

 

9. การเลือกวัสดุเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สะสมไฟฟ้าสถิต

ไฟฟ้าสถิตที่เกิดจากผ้าห่มหรือพรมบางชนิดอาจทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกไม่สบายตัว และอาจเพิ่มปริมาณการหลุดร่วงของขน แม้จะไม่เป็นอันตรายแต่ก็อาจทำให้เกิดความเครียดสะสมได้เวลาที่พวกเขาสัมผัส การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือไม้ที่ผ่านการเคลือบอย่างดีด้วยนวัตกรรมพิเศษ จะลดการสะสมของไฟฟ้าสถิตได้

10. วัสดุปูพื้นแบบ ‘Anti-Microbial’ เพื่อสุขอนามัยที่ดีขึ้น

การเลือกวัสดุปูพื้นที่มีคุณสมบัติ Anti-Microbial เช่น ไม้ไผ่อัด หรือไวนิลชนิดพิเศษ สามารถช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณได้ในระยะยาว นอกจากจะดูแลสุขอนามัยของสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังทำให้บ้านสะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวอีกด้วย


บ้านไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับเรา แต่เป็นโลกทั้งใบของสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยงดู การใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยให้สัตว์เลี้ยงของคุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น และอยู่กับเราไปได้อีกนาน อย่าลืมนำวิธีจัดการบ้านไปปรับใช่ที่บ้านเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก

__________

สัมมากร
บ้านที่หลับสบาย
Have a good sleep
รับข้อมูลเพิ่มเติม: www.sammakorn.co.th
แอดไลน์สัมมากร: https://bit.ly/3NB2Irs

#SAMMAKORN #บ้าน #สัมมากร #บ้านที่หลับสบาย #จัดบ้านเป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง #petfriendly




 

สมัครรับข่าวสาร
อีเมล*
    • Messenger Icon
      Messenger