สมาธิสั้นในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นแล้วทำไงต่อกับวิธีรับมือที่พ่อแม่ทำได้ | Sammakorn
ค้นหาโครงการที่เหมาะกับคุณ
ทำเลที่ตั้ง
เลือกทำเลที่ตั้ง
เลือกแล้ว0
ค้นหาจากทำเลที่ตั้ง
ประเภทโครงการ
เลือกประเภทโครงการ
เลือกแล้ว0
เลือกประเภทโครงการ
ช่วงราคา
เลือกช่วงราคา
เลือกแล้ว0
เลือกช่วงราคา

สมาธิสั้นในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นแล้วทำไงต่อกับวิธีรับมือที่พ่อแม่ทำได้ | Sammakorn

Mental Health
สมาธิสั้นในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นแล้วทำไงต่อกับวิธีรับมือที่พ่อแม่ทำได้
18 ตุลาคม 2567
sammakorn | สมาธิสั้นในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็ก  เป็นแล้วทำไงต่อกับวิธีรับมือที่พ่อแม่ทำได้

#โรคสมาธิสั้นในวัยเด็ก โรคยอดฮิตของเด็กสมัยนี้ ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าภาวะสมาธิสั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับเด็กในทุกช่วงอายุ มีทั้งโรคสมาธิสั้นแท้และภาวะสมาธิสั้นเทียม ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู พฤติกรรมจากการเติบโต หรือเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของพ่อแม่สู่ลูก แม้สมาธิสั้นจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ภาวะนี้มักกระทบการดำเนินชีวิตและการเติบโตของเจ้าตัวน้อย ส่งผลกระทบทั้งในด้านพฤติกรรม การเรียนรู้ การควบคุมอารมณ์ การใช้ชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคมกับผู้อื่นรวมถึงกับคนในครอบครัวได้เช่นกัน

 

โรคนี้แม้ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจนนอกจากการควบคุมปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรค แต่ถ้าเจ้าตัวน้อยเกิดอยู่ในสภาวะสมาธิสั้นแล้ว ก็ยังพอมีวิธีการรับมือที่จะช่วยให้เด็กๆ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่วิธีรับมือที่ดีนั้น ต้องใช้ความร่วมมือและความเข้าใจจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะคุณครู ญาติ เพื่อน แต่ที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นพ่อแม่ เรามารู้จักโรคสมาธิสั้นในเด็กพร้อมวิธีรับมือที่สามารถเริ่มต้นได้ที่บ้าน

รู้จักโรคสมาธิสั้นในเด็ก

โรคสมาธิสั้นในเด็ก หรือ Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD in children) คือโรคที่เกิดจากความบกพร่องในการทำงานของระบบประสาทด้านพัฒนาการที่ทำหน้าที่ควบคุมสมาธิ การควบคุมตนเอง การเรียนรู้ การจดจ่อ หรือการยับยั้งชั่งใจโดยตรง เมื่อระบบประสาทส่วนนี้บกพร่อง เด็กๆ จึงเกิดอาการอยู่ไม่นิ่ง ขาดสมาธิ ว่อกแว่ก ไวต่อสิ่งเร้าได้ง่าย สามารถแบ่งประเภทของอาการง่ายๆ ได้เป็น 3 กลุ่มอาการหลัก 

  1. โรคสมาธิสั้นแบบขาดสมาธิ - ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้นานๆ มักมีอาการว่อกแว่กง่าย ชอบเหม่อลอยใจลอย ขี้ลืม 
  2. โรคสมาธิสั้นแบบซุกซน หรือ ไฮเปอร์ - เคลื่อนไหวตลอดเวลา วิ่งไปมาอยู่เฉยไม่ได้ พลังเยอะเหลือล้นเกินกว่าเด็กปกติ พูดมาก พูดเก่ง
  3. โรคสมาธิสั้นแบบหุนหันพลันแล่น - ขาดความยับยั้งชั่งใจตนเอง ใจร้อน รออะไรนานๆไม่ได้ 

ซึ่งในผู้ที่สมาธิสั้นอาจเกิดเพียงหนึ่งอาการ หรืออาจมีหลายอาการร่วมด้วยกันได้

 


แล้วอะไรกระตุ้นสมาธิสั้นในเด็ก

หากไม่นับความบกพร่องของสารเคมีที่สำคัญบางตัวในสมองโดยมีกรรมพันธุ์เป็นปัจจัยที่สำคัญ อีกสิ่งที่เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นทำให้เด็กๆ เป็นโรคสมาธิสั้นในปัจจุบันนี้ นั่นคือ ปัจจัยจากการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมซึ่งอาจส่งผลให้เด็กที่เป็นโรคอยู่แล้วมีอาการแย่ลงหรือดีขึ้น และปัจจัยจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมนั้นก็อาจก่อให้เกิดภาวะสมาธิสั้นเทียมได้ เช่น การให้เด็กๆ อยู่กับจออิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานๆ แม้การโตมากับจอจะไม่ใช่ต้นเหตุทางตรง แต่จากผลวิจัยพบว่าการดูหน้าจอนานๆ เป็นสาเหตุหลักที่ลดสมาธิของเด็กๆ ได้เช่นกัน ซึ่งทางสถาบัน The American Academy of Pediatrics แนะนำให้เล่นไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ถึงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับวัยเด็ก 

รับมืออย่างไรในวันที่ลูกเป็นสมาธิสั้น

การจะรับมือกับภาวะสมาธิสั้นในเด็กนั้นต้องใช้ทั้งความเข้าใจและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วยถึงจะเกิดผลดีกับตัวเด็กเอง โดยเรามี 5 คำแนะนำที่พ่อแม่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อรับมือกับเด็กๆ ได้โดยเริ่มต้นที่บ้าน

1. ไม่ตำหนิลูกพร่ำเพรื่ออย่างไร้ความเข้าใจ
การตำหนิบ่อยๆ อาจทำให้เด็กรู้สึกท้อแท้และขาดความมั่นใจ แทนที่จะตำหนิ ให้พยายามเข้าใจว่าพฤติกรรมของลูกเป็นผลมาจากภาวะสมาธิสั้น ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะดื้อหรือไม่เชื่อฟัง ใช้คำพูดเชิงบวกและให้กำลังใจ เช่น "แม่รู้ว่าลูกพยายามแล้ว เรามาลองวิธีใหม่ด้วยกันนะ" การแสดงความเข้าใจจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความยากลำบากที่เผชิญ

2. สร้างบรรยากาศสงบช่วยลูกเพิ่มการโฟกัส
สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบจะช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น จัดมุมการเรียนรู้ที่ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น ปิดโทรทัศน์ เก็บของเล่นที่ไม่เกี่ยวข้อง และลดเสียงรบกวนจากภายนอก ใช้แสงธรรมชาติหรือแสงสว่างที่นุ่มนวล และจัดโต๊ะทำงานให้หันเข้าหาผนังเรียบๆ นอกจากนี้ การใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนอาจช่วยให้เด็กมีสมาธิกับงานได้ดีขึ้น

3. ตั้งตารางเวลาเป็นกฎเกณฑ์ระหว่างกัน

สร้างตารางเวลาประจำวันร่วมกับลูก โดยให้ลูกมีส่วนร่วมในการกำหนดกิจกรรมและเวลา ใช้ภาพหรือสัญลักษณ์ที่เข้าใจง่ายเพื่อแสดงลำดับของกิจกรรม ติดตารางไว้ในที่ที่มองเห็นได้ชัดเจน และทบทวนตารางทุกเช้าเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวัน การมีโครงสร้างที่ชัดเจนจะช่วยลดความวิตกกังวลและทำให้เด็กรู้สึกมั่นคง อย่าลืมรวมเวลาพักและกิจกรรมที่ชื่นชอบเข้าไปในตารางด้วย

4. เสริมแรงบวกด้วยรางวัล

ใช้ระบบให้รางวัลเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมที่พึงประสงค์ รางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของเสมอไป อาจเป็นเวลาพิเศษกับพ่อแม่ สิทธิพิเศษ หรือกิจกรรมที่ชอบก็ได้ สร้างระบบสะสมแต้มหรือดาว เมื่อทำพฤติกรรมที่ดีหรือบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อสะสมได้ตามจำนวนที่กำหนด ก็สามารถแลกเป็นรางวัลได้ วิธีนี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง

5. งานบ้านช่วยบำบัดภาวะสมาธิสั้นในเด็ก

การทำงานบ้านสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะต่างๆ สำหรับเด็กสมาธิสั้น เช่น การจัดการเวลา การทำตามคำสั่ง และการจดจ่อกับงาน เริ่มจากงานง่ายๆ และค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อน แบ่งงานเป็นขั้นตอนย่อยๆ และใช้รูปภาพประกอบคำอธิบาย ให้ลูกเลือกงานบ้านที่สนใจ และหมุนเวียนหน้าที่เพื่อไม่ให้เบื่อ การทำงานบ้านยังช่วยสร้างความรู้สึกรับผิดชอบและความภาคภูมิใจเมื่อทำงานสำเร็จ

การใช้วิธีการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอด้วยความอดทนและเข้าใจ จะช่วยให้เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นมีโอกาสพัฒนาทักษะที่จำเป็นและเติบโตอย่างมีความสุขและมั่นใจมากขึ้น ที่สำคัญคือการปรับวิธีการให้เหมาะกับลักษณะเฉพาะของลูกแต่ละคน และไม่ลืมที่จะชื่นชมความพยายามและความก้าวหน้าของพวกเขา จะเปิดโอกาสให้เด็กน้อยกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งทั้งหมดเริ่มต้นได้ที่บ้าน

__________


สัมมากร
บ้านที่หลับสบาย
Have a good sleep
รับข้อมูลเพิ่มเติม: www.sammakorn.co.th
แอดไลน์สัมมากร: https://bit.ly/3NB2Irs

#อยากให้รู้ว่าสัมมากรขายบ้าน 
#SAMMAKORN #บ้าน #สัมมากร #บ้านที่หลับสบาย #แก้สมาธิสั้น #จดจ่อ #สมาธิดี #สมาธิสั้นในเด็ก #เลี้ยงลูก




 

สมัครรับข่าวสาร
อีเมล*
    • Messenger Icon
      Messenger